“ชาร์ลี ฮันแนม” กว่าจะได้เป็นพระเอก Pacific Rim


ความจริงแล้ว ชาร์ลี ฮันแนม มีโอกาสจะได้ร่วมงานกับ กีเยอร์โม เดล โทโร หลายปีก่อนการมาของมหาสงครามแห่งหุ่นเหล็กกับไคจู เพียงแต่ปัจจัยมักไม่เอื้ออำนวย คลาดกันไปคลาดกันมาอยู่ตลอด กระนั้น เมื่อพิจารณาจากสิ่งต่างๆ ที่เป็นไป มันก็อาจจะดีที่สุดแล้วสำหรับเขา เมื่อผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันได้เข้ามาแทนที่อย่างเหมาะเจาะ

ครั้งแรกที่ฮันแนมไปออดิชั่นบทในหนังของผู้กำกับชาวเม็กซิกันคือเรื่อง Hellboy II: The Golden Army (2008) เขาเลือกชิงชัยบท เจ้าชายนูอาดา อะไรๆ ไปได้สวยทีเดียว ฮันแนมกลายเป็นหนึ่งในตัวเต็งและได้พูดคุยกับเดล โทโรอยู่เป็นระยะขณะกระบวนการแคสติ้งดำเนินไป ไม่ว่าทดสอบกี่ด่าน เขาก็ยังผ่านเข้ารอบ เกือบจะได้บทวายร้ายสุดสง่าแล้วจริงๆ

แต่…เมื่อถึงการคัดตัวสองคนสุดท้าย ฮันแนมไปพ่ายให้กับ ลุค กอสส์ ซึ่งสมคาแร็คเตอร์และขึ้นกล้องกว่าในยามแปลงโฉมแต่งองค์ทรงเครื่อง ถึงอย่างนั้น ความประทับใจของเดล โทโรต่อนักแสดงหนุ่มจากอังกฤษไม่ได้จบลง มีการเผยเจตจำนงอยากหาโอกาสร่วมงานกันให้ได้ในอนาคต ถือเป็นรางวัลปลอบใจที่ไม่เลว

ขณะเดียวกัน ความผิดหวังก็ส่งให้ฮันแนมได้ไปพบเส้นทางยาวไกลอีกสายอย่างคาดไม่ถึงหลังจากคว้าบท แจ็กซ์ เทลเลอร์ ตัวเอกในซีรีส์ Sons of Anarchy พร้อมส่งให้เขาโด่งดังสุดขีด แถมมีผลพลอยได้เป็นการได้สนิทสนมกับ รอน เพิร์ลแมน นักแสดงคู่บุญของเดล โทโร

หลายปีนั้น ฮันแนมจึงได้รับรู้ข่าวสารของเดล โทโรผ่านเพิร์ลแมนผู้ทำหน้าที่สื่อกลางอยู่เสมอ โดยเฉพาะคำชื่นชมสำหรับการสวมบทสิงห์นักบิดหัวโจก กระทั่งวันดีคืนดี เขาก็ได้รับทราบข้อความสำคัญ ว่าเดล โทโรกำลังพัฒนาโปรเจกต์หนัง The Hobbit และหมายมั่นที่จะเสนอบทบทหนึ่งให้ ฮันแนมรู้สึกเนื้อเต้นทันใด
แต่…ไม่ทันจะเดินหน้าพูดคุยเจรจา ก็มีข่าวร้ายมาแรงแซงโค้งว่างานนี้ล่มปากอ่าวเสียแล้ว เดล โทโรไม่ใช่คนกุมบังเหียนอีกต่อไป “แม่งเอ๊ย!” ฮันแนมสบถในใจ สรุปชาตินี้จะได้เล่นหนังของเดล โทโรไหมเนี่ย

แต่… สุดท้ายก็เข้าตำรา “Third time lucky” เมื่อไม่กี่ปีให้หลัง เดล โทโรได้เริ่มทำหนัง Pacific Rim (2013) พร้อมยกบท ราลีห์ เบ็คเกตต์ ให้กับฮันแนมทันที รับไปเลยง่ายๆ มาเป็นพระเอกล่ำๆ ขับเยเกอร์เท่ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด เมื่อต่างคนต่างก็อยากร่วมงานด้วยกันเต็มแก่

แต่เหนืออื่นใด บทนี้ดูจะเหมาะสมกับฮันแนมที่สุดแล้ว มันคือจังหวะที่ลงตัว ไม่มาเร็วไป ไม่มาช้าไป ขณะกำลังจะโบกมือลา Sons of Anarchy นี่คือการปูทางไปสร้างชื่อยังฟากภาพยนตร์โดยไม่ขาดตอน พร้อมเผยให้เห็นคุณภาพความเป็นนักแสดงผู้สามารถแบกน้ำหนักเรื่องราวและทุ่มเทเต็มร้อยกับบทบาท

เมื่อย้อนกลับไปมอง เจ้าตัวอาจพอใจแล้วก็ได้ที่อะไรๆ ไม่เป็นดังที่หวังไว้ในตอนแรก เมื่อชีวิตมักผิดแผน เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝันเข้ามาแทรก อย่างเดียวที่ทำได้คือด้นสดไปตามแต่ทางเลือกที่มี ซึ่งผลพวงที่ดำเนินไปในเส้นทางของชายคนนี้คือเปิดโอกาสให้เขาพิสูจน์ว่าเป็นพระเอกที่ทั้งเถื่อน เท่ และละมุนละไมในคนเดียว

About Author