เอาแล้วสิ “กฤษณะ” ประกาศพร้อมเป็นทนายให้ “แอนนา” หากถูก “กระติก” ฟ้อง !

ไม่เชื่อหลักฐานจาก “บังแจ็ค” 100 เปอร์เซ็นต์

รายการเป็นเรื่องใหญ่ ออนแอร์ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.10 – 17.55 น. ทางช่อง JKN18 ดำเนินรายการโดย “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” ได้สัมภาษณ์ “ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย” อดีตทนายแม๊ มาพร้อม “ทนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย” ว่าที่ทนาย “กระติก” ผู้จัดการ “แตงโม นิดา” นางเอกสาวผู้ล่วงลับโดยทนายกฤษณะเผยยังไม่เชื่อหลักฐานจาก “บังแจ็ค” ที่อ้างว่ามีพลเมืองดีส่งผ้าคาดเอวแตงโมที่หายไปส่งไปให้ถึงอเมริกาอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องรอการพิสูจน์

วันนี้มีการพูดถึงหลักฐานใหม่ ผ้าคาดเอวของน้องแตงโม ส่วนตัวเชื่อมั้ย?

กฤษณะ : “ถ้าดูคลิปที่ออกข่าวไปมันจะเป็นคลิปสั้น ๆ จริงๆถ้าดูคลิปท้ายๆผมจะเน้นย้ำว่าผมยังไม่เชื่อนะ จนกว่าจะตรวจสอบก่อน ซึ่งข้อมูลตรงนี้ก่อนที่จะรู้จักจากบังแจ๊ค ผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมา แล้วบอกว่าจะมีไลน์จากบังแจ็คเข้ามา ผมก็รับ แกก็บอกว่ามีหลักฐานกล้องหน้ารถของกระติก”

ก่อนหน้านี้เคยรู้จักกันมั้ย?

กฤษณะ : “ไม่เคยรู้จักกันเลยครับ ทุกสำนักข่าวผมจะบอกว่าไม่เคยรู้จักเลย แกติดต่อเข้ามาแล้วแกก็ถ่ายเป็นวิดีโอให้ดูแต่ไม่ได้ส่งมานะครับ แล้วแกว่าอีกสักพักค่ำ ๆ จะส่งเป็นคลิปเสียงมาอีก ผมก็พยายามมาพูดคุย แต่แกเหมือนไม่ไว้ใจผมแล้วแกก็เงียบหายไป”

จนวันนี้ก็ยังไม่ได้คลิปหน้ารถ?

กฤษณะ : “ใช่ครับ ตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าส่งไปให้พี่เต้หรือเปล่า จริง ๆ แล้วคลิปหน้ารถตรงนี้ผมได้มีการส่งให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว มีทั้งรูปกล้อง memory ต่าง ๆ หลังจากนั้นผมก็ได้ประสานกับทางผู้กำกับว่าผมอยากเข้าไปฟัง ก่อนวันที่น้องจะไปที่นิติเวชธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นพอดีงานไม่เสร็จเลยขอเลื่อนผู้กำกับ ตื่นเช้ามาผมก็โดนถอน ที่จริงผมมีภาพอยู่นะแต่ว่าเดี๋ยวมันจะก้าวล่วงคดีของคุณแม่ไป”

อันนี้ทนายวิวัฒน์เคยเห็นมั้ย?

วิวัฒน์ : “ไม่ทราบครับ ยังไม่รู้เรื่อง”

เห็นเขาบอกว่ามันมีบางอย่างในนั้นหายไป ได้ยินข่าวมั้ย?

กฤษณะ : “ผมก็ได้ยินจากตอนนี้นะครับ แต่เบื้องลึกๆแล้วผมได้คุยกับผู้กำกับ เขาบอกว่ามีแต่ภาพไม่มีเสียงประมาณ 15 นาที มันก็ไม่มีอะไรนะครับ ตอนแรกก็สงสัยอยู่แต่โทรเข้าไปอีกทีทางผู้กำกับบอกว่าผมไม่มีอำนาจแล้วต้องเป็นคุณแม่กับทนายเดชา”

ผ้าคาดเอวบังแจ็คหรือ ส.ส.เต้ติดต่อไปครับ?

กฤษณะ : “บังแจ็คติดต่อมาครับ ทางเราจะไม่ได้ติดต่อไปเองเลย ส่วนตัวเราเป็นทนายความอยู่แล้วเราเชื่ออะไร 100% ไม่ได้ มันต้องมีการพิสูจน์”

ทนายกฤษณะไม่เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ส.ส.เต้ เจ้านายของทนายกฤษณะเชื่อมั้ย?

กฤษณะ : “ผมก็ได้พูดคุยบอกว่าตรงนี้เราต้องเอามาวิเคราะห์และตรวจสอบให้ถูกต้อง แต่เนื่องจากว่ามันมีการไลฟ์สดออกไปแล้ว แล้วผมเข้ามาทีหลัง ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่ามันจะมีทัวร์ลงอีก ด้วยความที่เรามีเจตนาที่ดีมากกว่า ซึ่งผมจะเน้นย้ำท้ายคลิปว่าหลักฐานชิ้นนี้ผมไม่เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์นะ ผมจะพิสูจน์”

แล้วเราคิดว่าถ้ามันเป็นของจริงทำไมคนที่หาเจอถึงส่งไปหาบังแจฌคที่อเมริกา ทำไมไม่ส่งให้ตำรวจ?

กฤษณะ : “ในความรู้สึกผมเองเขาน่าจะไม่ไว้วางใจอะไรสักอย่างหนึ่ง หรือจะเป็นคนวงในด้วยกันที่เขาบอกผมมา แต่ผมไม่ได้ติดต่อเขาอีกแล้วเขาก็ไม่ได้ติดต่อผมอีกเลย แต่ลักษณะคืออาจไม่พอใจอะไรกันหรือเปล่าเลยติดต่อไปที่บังแจ็ค แล้วให้ประสานมาหาใครที่จะส่งข้อมูลได้”

แล้วเห็น ส.ส.เต้พูดด้วยว่าจะไปอเมริกา จะไปรับมาตรวจสอบ?

กฤษณะ : “อันนี้ผมคุยกันแล้วว่าตรงนี้ค่าใช้จ่ายมันไม่ใช่น้อย ๆ ให้เขาส่งมาดีกว่า แต่ผมก็กลัวว่าถ้าเกิดมันเป็นของจริงมันจะถึงเราหรือเปล่า แต่ผมก็ยืนยันว่าอยากตรวจสอบให้แน่ใจก่อน แต่ก็เอามาตรวจสอบในไทยนี่แหละ”

เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเขาก็บอกแล้วนะว่าสายรัดยังอยู่ แต่ที่บังแจ๊คเอามาโชว์ดันไปอยู่ตรงโน้น?

กฤษณะ : “รู้แต่ว่าผ้ามันจะมี 2 ผืน ส่วนผืนที่บังแจ็คได้มารู้สึกว่ามันจะอยู่ข้างในหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ว่าด้วยความเคารพคือทางท่านธนกฤต ผมได้ส่งไปให้ท่านวิเคราะห์”

ในมุมของทนายกระติกถ้าผ้ามันเป็นของจริงรูปคดีจะเปลี่ยน หรือจะสามารถนำไปใช้ในคดีได้บ้างมั้ย?

วิวัฒน์ : “ผมมองว่าคงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี เพราะในกรณีของน้องกระติกเขาไม่เห็นตอนที่น้องแตงโมตกเรือ เรื่องผ้าก็คงจะเป็นหลักฐานส่วนหนึ่งที่จะเอามาประกอบสำนวนเท่านั้นครับ ผมมองว่าไม่สามารถบ่งชี้ไปถึงเรื่องที่มีการทำร้ายร่างกายหรือไม่หรอครับ”

ส่วนตัวพี่เชื่อมั้ยว่าผ้านี้ที่ไปอยู่ที่อเมริกากับบังแจ็คเป็นของจริง?

วิวัฒน์ : “โดยตามข้อมูลจริง ๆ เรื่องมันเกิดที่ประเทศไทย เป็นกรณีที่ประชาชนสนใจมาตั้งนานแล้วนะครับเดือนกว่า มันไปโผล่ที่อเมริกา เป็นผมมันฟังไม่ขึ้นหรอกครับ ผมเฉย ๆ เลยครับเรื่องนี้”

พอมันมีเรื่องผ้าอดีตนายจ้างเราได้โทรมาหามั้ยครับ?

กฤษณะ : “เมื่อ 3 วันที่แล้วก็ได้โทรมานะครับ คุยเรื่องบังแจ็คนี่แหละ เขาก็บอกว่าลูกอย่าไปเชื่อนะ ประวัติเขาก็ไม่ดีอะไรอย่างนี้ อันนี้ผมเองก็ฟังหูไว้หูนะครับ เราเองก็ยังไม่ได้ตัดสินใครง่าย ๆ ซึ่งผมเองก็ได้รู้ได้มีประสบการณ์มาแล้ว ผมได้ประสบการณ์จากผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน ผมมีคุณวุฒิและวัยวุฒิที่จะวิเคราะห์ตรงนี้ออก”

ก่อนหน้านี้ที่โดนคนหาปลาบอกจะฟ้อง ส.ส.เต้ เขาบอกว่าเขาจะไม่ยุ่งอีกแล้วเรื่องน้องแตงโม อยู่ ๆ ก็มายุ่งอีก เขากลับมาอีกทำไมครับ?

กฤษณะ : “ตั้งแต่ผมทำงานกับท่านมาผมก็ได้แนะนำท่านให้เดิน 2 ทางนะครับ ภาคประชาชนในฐานะ ส.ส. แต่อีกภาคหนึ่งก็คือให้ผมเป็นหัวหน้าทีมในการค้นหาหลักฐานใหม่ไม่ได้ไปยุ่งหลักฐานเก่า ตอนแรกผมจะให้แกไปยุ่งในภาคประชาชน แต่เราเองก็ต้องอาศัยทุนในการค้นหา ก็มีการสนับสนุนกันในส่วนของค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผมเองจึงต้องดึงท่านเข้ามา ผมยังมีคำถามว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นมันมีการนำผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์หรือยัง ผมถามแค่นี้”

ตอนนี้แม่เคยพูดว่าไม่อยากให้ใครที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ใช่ทนายความของแม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยที่แม่ไม่ได้รับอนุญาต แม่เขาบอกว่าใครมายุ่งเขาจะฟ้องให้หมด?

กฤษณะ : “สิ่งที่ผมทำเป็นการหาหลักฐานใหม่ ส่วนหลักฐานเก่าไม่ได้ก้าวล่วง ส่วนพนักงานสอบสวนจะสรุปยังไงเราก็ให้เกียรติพนักงานสอบสวนไป การหาหลักฐานมันมีอายุความอยู่แล้ว ซึ่งถ้ามีหลักฐานใหม่มันก็สามารถที่จะกลับมาอีกได้”

ได้คุยกับทนายเดชามั้ยครับช่วงนี้?

กฤษณะ : “ไม่ได้คุยเลยครับ ช่วง 2-3 วันนี้ เพราะว่าเฉพาะคดีผมในศาลที่ทำให้ลูกความอยู่ก็ยุ่งอยู่แล้ว ผมเลยไม่มีเวลาโทรตอนนี้”

ทางฝั่งพี่วิวัฒน์กับที่น้องกระติกออกมารับสารภาพจะทำให้น้องกระติกมีปัญหามากขึ้นมั้ยครับ?

วิวัฒน์ : “ไม่มีปัญหาครับ ตอนนี้น้องกระติกสบายใจที่สุดครับ แต่ว่ายังไม่พร้อมที่จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพราะคุณพ่อเขาขอไว้ว่าให้คดีให้การเท็จมันมีคำพิพากษาก่อน กรณีของน้องกระติกที่มาพบคุณสิระมันสืบเนื่องจากคดีของน้องแตงโมไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ตำรวจชื่อดังที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทางพ่อของน้องกระติกเกรงว่าลูกสาวของตัวเองจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงติดต่อไปที่คุณสิระ เพราะเขาเห็นว่าคุณสิระได้ช่วยเหลือในกรณีของคนหาปลา เลยเป็นที่มาในการพาน้องกระติกมาพบคุณสิระ น้องกระติกก็เกรงว่าเขาจะไม่ได้รับความปลอดภัยเพราะเขาตกเป็นจำเลยของสังคมตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีที่พึ่ง ทางคุณสิระก็ยินดีที่จะช่วยเหลือแล้วเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนที่จะไปก็ต้องพูดความจริงก่อน แล้วพาไปรับทราบข้อกล่าวหาในกรณีที่พนักงานสอบสวนตั้งข้อกล่าวหาเรื่องให้การเท็จเรื่องการดื่มกินบนเรือ จำนวนเครื่องดื่มมันไม่ตรงกัน”

ตอนนี้น้องกระติกถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้วหรือยัง?

วิวัฒน์ : “แจ้งแล้วครับ ก็ได้ถูกนำไปรับทราบข้อกล่าวหา และได้ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา”

แล้วทำไมตอนแรกต้องโกหก ?

วิวัฒน์ : “ก็มีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคนทั้ง 5 คนนี่แหละก็ยังมีคนในกลุ่มนี้เกรงกลัวความผิด เขาเลยให้แต่งเรื่องให้เหมือนกัน แล้วได้มีการนัดผมกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ทองหล่อ นัดพบกันช่วงสายๆ วันที่ 25 แล้วก็พาทั้ง 5 คนไปพบพนักงานสอบสวน เป็นจุดที่นำไปสู่การให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน”

เห็นว่าคนที่แนะนำชื่อคุณเอ็ม?

วิวัฒน์ : “ก็ตอนนี้สาธารณชนได้ทราบกันหมดแล้วว่าชื่อเล่นชื่อเอ็ม ผมไม่สนใจข้อมูลของบุคคลคนนี้ครับ แต่ว่าผมสนใจว่าการที่คุณมาบิดข้อมูลให้ทั้ง 5 คน ผมว่าถ้ามองว่าเป็นนักกฎหมาย มันไม่มีกฎหมายข้อไหนที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเรือหรอกครับ ผมแปลกใจว่าคุณมาบิดข้อเท็จจริงเพื่ออะไร จากที่ไม่ผิดก็ผิดกลายเป็นว่าคุณให้ปากคำเท็จต่อพนักงานสอบสวน แสดงว่าบนเรือต้องมีอะไรสักอย่างที่บุคคลบางคนใน 5 คนอยากปิดบังข้อเท็จจริงครับ”

ตอนที่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นสังคมเทไปโทษกระติกเลยว่าเป็นผู้จัดการทำไมไม่ดูแล หลายคนเชื่อว่ากระติกต้องสารภาพเรื่องอื่นนอกจาแอลกอฮอล์อีก จริงหรือเปล่าครับ?

วิวัฒน์ : “กระติกไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้ครับ เพราะเขาอยู่ช่วงหน้าเรือเขาก็นั่งมองวิวหันหน้าออกหน้าเรือ แล้วตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มครึ่ง ก็ได้ดื่มกันตลอดเวลา”

มีคนบอกว่าแตงโมถูกลวนลามแล้วอาจกระโดดน้ำหนี มันเป็นไปได้มั้ยครับกับข้อกล่าวหานี้?

วิวัฒน์ : “ตามที่ผมสอบข้อเท็จจริงน้องกระติกโดยมีพ่อเขาเป็นคนเค้นลูกสาว ผมว่าน้องกระติกไม่ได้โกหกคุณพ่อหรอกครับ เพราะตลอดระยะเวลาที่เกิดเหตุเขาจะมีการโทรปรึกษาคุณพ่อตลอดนะครับ”

ตอนแรกสัมภาษณ์กระติกบอกว่าแตงโมเขาเดินไปฉี่เขาเดินผ่านตัวหนูไป แล้วตอนนี้มาบอกว่าหนูไม่เคยพูดนะ?

วิวัฒน์ : “เขาคงมองว่าไปด้านหลังแต่ไปฉี่หรือไม่เขาไม่ทราบ เขาไม่ได้ยืนยันเรื่องไปฉี่ครับ”

ถ้าต้องขึ้นศาลกระติกจะโดนอะไรบ้างครับ?

วิวัฒน์ : “ณ ตอนนี้ที่ผมได้ข้อเท็จจริงจากน้องกระติก น้องคงโดนข้อหาเดียวเรื่องให้การเท็จแค่นั้นแหละครับ เพราะไม่ได้รู้เห็นในขณะที่น้องแตงโมพลัดตกเรือ  ส่วนคนอื่น ๆ ก็ว่ากันตามข้อเท็จจริงของแต่ละคนครับ”

หลายคนบอกว่าที่สารภาพเพื่อจะให้ตัวเองได้ถูกกันเป็นพยานเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองได้รับโทษหรือเปล่า?

วิวัฒน์ : “ในเบื้องต้นที่คุยกันทางคุณพ่อบอกว่า ผิดคือผิด ถูกคือถูก ถ้าผิดก็ไปยอมรับพ่อจะได้สบายใจ เลยนำไปสู่ สภ.เมืองเพื่อรับข้อกล่าวหาเรื่องให้การเท็จครับ”

ทำไมตอนนี้ถึงต้องรอแต่งตั้งเป็นทนายครับ?

วิวัฒน์ : “ก็คือว่าถ้าการเป็นทนายของจำเลยต้องแต่งตั้งอย่างเป็นทางการครับ ต้องรอเป็นคดีขึ้นสู่ศาลก่อน ทีนี้เมื่อวานคิดว่าทางพนักงานอัยการจะพาไปฟ้อง ทางผมก็ทำใบแต่งไว้เรียบร้อยแล้ว”

แต่ถ้าเราเป็นทนายตั้งแต่ตอนนี้มันจะไม่รัดกุมกว่าเหรอครับ?

วิวัฒน์ : “ไม่ถือว่าเป็นทนายครับ มันต้องมีใบแต่งใช้ในศาลครับ”

ผมถามว่าอย่างทนายกฤษณะตอนแรกชีวิตดีๆ มาเป็นทนายให้คุณแม่โดนทัวร์ลง โดนขุดมากมาย แล้วอย่างพี่มาเป็นทนายกระติกซึ่งทุกคนยังด่ากระติกอยู่แบบนี้ ไม่กลัวเหรอครับ?

วิวัฒน์ : “ที่ก้าวเข้ามาตรงนี้ผมไม่ต้องการที่เป็นวลีที่พูดว่าหิวแสง เพราะผมมองว่ามันเป็นวิชาชีพของทนายความที่ต้องช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย มันเป็นขั้นตอนของกฎหมายที่เราต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ที่เข้ามาหาทนายความ เมื่อเราหาข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ ถ้าผิดก็ต้องพาไปรับสารภาพ”

ผมดูหนังเยอะเขาบอกว่าทนายความมีหน้าที่ในการแก้ต่างแม้จะรู้ว่าลูกความทำผิดจริงเมื่อถูกจ้างเป็นทนายแล้วต้องทำยังไงก็ได้ให้ชนะ?

วิวัฒน์ : “อันนั้นมันก็เป็นแค่ในหนังนะครับ ในข้อเท็จจริงเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ถ้าผิดจริงก็สารภาพ เรื่องหนักจะได้เป็นเบา ข้อเท็จจริงที่เราไม่สามารถต่อสู้ได้เราต้องแก้หนักให้เป็นเบาครับ ถ้าหลุดคดีคือเราต้องได้ข้อเท็จจริงที่มัน 50 50 หรือมีช่องจะไปได้ว่าลูกความของเราไม่ได้กระทำผิดจริง และผมก็ขอชื่นชมน้องกระติกที่กล้ารับ แม้จะตัดสินใจช้านิดนึงแต่ก็มาทันเวลา”

ไม่กลัวว่าจะถูกขุดแบบทนายกฤษณะเหรอครับ?

วิวัฒน์ : “ถ้าเราตั้งมั่นในข้อเท็จจริงแล้วตั้งสติว่าเราทำเพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่คนที่มาหาเรา ผมไม่กลัวครับ”

แล้วตัวทนายกฤษณะตั้งแต่ถูกขุดมามีทั้งคดีที่บอกว่าไปยืมเงินเขาตอนนี้เคลียร์แล้วยัง?

กฤษณะ : “ตอนนี้เคลียร์เรียบร้อยแล้วครับว่าไม่ได้แล้วครับ ถ้าเขาว่าอีกคงต้องหาหลักฐานมา แล้วก็ขอใช้สิทธิ์ปกป้องตัวเอง อันนี้ไม่พูดกันดีกว่า”

พูดถึงสิทธิ์ปกป้องตัวเองวันนี้ทนายเดชาบอกว่าจะฟ้องคนที่มาว่าแล้วทางฝั่งคุณพ่อเองก็ได้ข่าวมาว่ากระติกก็จะฟ้องใครบางคนที่เกาะกระแส?

วิวัฒน์ : “ก็น้องกระติกก็ได้หารือทางคุณพ่อแล้วว่าในสถานการณ์ที่เขาได้รับข้อกล่าวหาในเรื่องให้การเท็จแล้วก็รับสารภาพแล้ว ถึงแม้ว่ายังไม่ถูกส่งฟ้องต่อศาลเขาก็สบายใจแล้วครับ ในกรณีการเสียชีวิตเขาโล่งแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นยังไงเขายินดีที่จะช่วยเหลือทางพนักงานสอบสวนให้มากที่สุด แต่ก็ยังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็พยายามเอาเหตุการณ์ที่น้องตกเป็นจำเลยสังคมไปกล่าวให้ร้ายไปทำให้เขาถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ตรงนี้น้องกับคุณพ่อจะฟ้องครับ แต่กำลังดูว่าจะฟ้องใครบ้าง ยิ่งเป็นเพื่อนกันยิ่งสมควรจะโดนครับ เพราะความเป็นเพื่อนคุณคุยกันไม่ได้หรือไง ทำไมต้องไปทำให้สาธารณะชนคิดว่าน้องกระติกเป็นคนไม่ดี เพราะฉะนั้นสมควรรอรับหมายศาลครับ”

มีคนโทรมาขู่หรือต่อว่ามั้ยครับตั้งแต่น้องพลิกคำให้การแบบนี้?

วิวัฒน์ : “ไม่มีครับ”

ได้คุยกับ 4 คนบนเรือเพิ่มมั้ยครับ?

วิวัฒน์ : “ไม่ได้คุยเลยครับ แต่น้องบอกว่าทางกลุ่ม 4 คนก็โทรหาเขาบ้างแต่ต้องบอกว่าใครจะสู้หรือปฏิเสธก็ทำไป แต่น้องสบายใจที่จะทำแบบนี้”

แล้วมันจะมีผลทางคดีมั้ย เพราะแต่ละคนก็จะมีทนายของตัวเอง ถ้าพูดไม่เหมือนกันในชั้นศาลจะทำให้ยุ่งยากมั้ยครับ?

วิวัฒน์ : “ถ้าพูดไม่เหมือนกันใครที่พูดเท็จก็รับผิดชอบตัวเองไปครับ เพราะสำนวนของพนักงานสืบสวนก็มีข้อเท็จจริงไว้แล้วครับ”

ทำไมเราถึงเอาข้อมูลจากสำนวนมาพูดไม่ได้?

วิวัฒน์ : “เราจะพูดแต่ในกรอบของน้องกระติก เราจะไม่ก้าวล่วงข้อเท็จจริงคนอื่น ถึงจะทราบบ้างแต่เราจะไม่แสดงตนว่าเรารู้ครับ”

คุณเต้จะเอาหลักฐานอะไรมาให้ทางตำรวจเพิ่มเติมมั้ยครับ?

กฤษณะ : “ตรงนี้ผมขอให้สอบถามพี่เต้เลยนะครับ เพราะในส่วนของการทำหน้าที่เราได้แบ่งกันทำแล้ว หลักฐานต่าง ๆ พี่เต้จะรู้ดีกว่าผม ผมขอรบกวนเสริมนิดนึงถ้ามีการฟ้องร้องจากฝ่ายตรงข้าม อันนี้ผมพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือถ้าเกิดมั่นใจในตัวผม โดยเฉพาะถ้าเป็นแอนนา เพราะคุณแอนนามาปกป้องผมอยู่พักนึงเหมือนกัน”

About Author