4 ทนายดังเห็นตรงกัน “แตงโม” ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่มี 1 คนต้องขึ้นศาล!
4 ทนายดังเห็นตรงกัน “แตงโม” ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่มี 1 คนต้องขึ้นศาล! เงินประกัน 1 ล้าน “แม่แตงโม” อายัดไม่ได้
รายการโหนกระแสวันที่ 2 มี.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ยังเกาะติดสถานการณ์การเสียชีวิตของนางเอกชื่อดัง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” โดยวันนี้เปิดใจสัมภาษณ์ 4 ทนายชื่อดัง เดชา กิตติวิทยานันท์, ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด, รณณรงค์ แก้วเพชร และทนายเกิดผล แก้วเกิด วิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตแตงโม
ทำไมคนไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก?
เดชา : จริง ๆ มีคนตกเรือตาย จริง ๆ ไม่มีอะไร แต่ที่เป็นกระแสเพราะเป็นดาราดัง สองพอเกิดเหตุ มีพฤติกรรมคนในเรือ ไม่ทำเหมือนวิญญูชนทั่วไป ปกปิดอะไรต่าง ๆ ไม่พบตร. ไม่ให้ข้อมูลต่างๆ ยิ่งทำให้คนอยากรู้ มีอยู่แค่นี้
ทำไมถึงไม่เหมือนวิญญูชนทั่วไป คืออะไร?
เดชา : เวลาเพื่อนฝูงตกน้ำต้องกระโจนไปช่วย นั่งเรือในเรือจนกว่าจะช่วยเพื่อนมาได้ ไม่มีใครกลับบ้านไปนอนกับลูกหรอก คนพวกนี้มีลักษณะทางจิตที่ผิดปกติ แต่ไม่ถึงกับบ้า ไม่แน่ ลองไปศรีธัญญาดู อาจมีใบรับรองแพทย์ คนทั่วไปไม่มีใครเขาทำ คุณหนุ่มมีเพื่อนแบบนี้มั้ยล่ะ ตกน้ำแล้วกลับบ้านก่อนนะ คิดว่าว่ายน้ำกลับบ้านเอง
ทนายตั้มมองยังไง เป็นคนที่มีกระแสก่อนหน้านี้ว่าจะรับเป็นทนายให้คุณปอ?
ตั้ม : คือผมมองว่าที่เป็นข่าวดังเพราะส่วนหนึ่งคนเสียชีวิตคือคุณแตงโม ตอนแรกยังหาไม่เจอ คนก็ลุ้นกันว่ามีโอกาสรอดชีวิตมั้ย จนในที่สุดพบว่าเสียชีวิตแล้ว เรื่องนี้ตอนนั้นที่ไปเกี่ยวข้อง ผู้กำกับแหละมาเอ่ยชื่อผม ผมเลยมีชื่อในเรื่องนี้ ฝ่ายคุณปอกับคุณเบิร์ตเขาติดต่อมา อยากถามความเห็นผมว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาต้องถูกดำเนินคดีข้อหาอะไรบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วเขามีทนายความอยู่ก่อนแล้ว ผมก็แนะนำบอกไปว่าข้อหาประมาท
เขาติดต่อวันไหน?
ตั้ม : วันที่เขาไปโรงพัก จำวันที่ไม่ได้ ตอนเขาติดต่อมาผมอยู่โคราช เขารอผมกลับมาตอนเย็น ก็ได้มีการคุยกันไม่นาน เพราะเขาต้องรีบกลับไปหาตร. แต่ผมไม่ได้เป็นทนายในเรื่องนี้ เพราะเขามีทนายอยู่ก่อนแล้ว
พี่รณณรงค์ เข้าไปดูพี่ชายเขา?
รณณงค์ : พี่ชายเขาติดต่อมาหาผมให้ทำคดีให้เขาหน่อย เขาบอกไม่รู้ต้องทำยังไงต่อ งงไปหมดแล้ว เพราะเรื่องเพิ่งเกิด มีคนบอกให้ไปหน่วยงานโน้น หน่วยงานนี้ เราเลยบอกว่ารอให้ภูธรภาค 1 ทำไปก่อนสักพักนึง อย่าเพิ่งย้ายไปดีเอสไอ มันเพิ่งเกิดใหม่ ให้ตร.ทำให้เรียบร้อยก่อน ไปดูว่ากลุ่มผู้เสียหายตรงไหนที่ยังติดใจ ไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้บอกมาเดี๋ยวจะหาวิธีให้ตร.เขาถึงที่สุด ผมยังติงเลยนะว่าทำแผนทำอะไรน่าจะให้ทางญาติขึ้นไปบนเรือด้วย ลูก น้อง เขาหล่นลงไป จะได้รู้ว่าแบบไหน ซึ่งเจอหลายๆ คดี ผ่านไปหลายปี หลายเดือน ตร.ไม่เอาข้อมูลอะไรให้เลย แต่นี่เพิ่งเกิดใหม่ๆ ก็ให้เขาเคลียร์ไปเลย ผมเคยไปลงเรือจำลองเหตุการณ์ เขาก็ให้ไปบันทึกภาพ ดูได้ พอเข้าสู่กระบวนการศาล บางครั้งศาลเอาเฉพาะวิดีโอหรือภาพนิ่งของเราไปดูอย่างเดียวก็มี มันต้องเก็บหลักฐานฝ่ายผู้เสียหายไว้ด้วย เผื่อวันข้างหน้าเขาไปเรียกค่าเสียหายต่อ ทำเก็บเอาไว้ก่อน
มีเรื่องค่าเสียหายแน่นอน?
รณณรงค์ : ประมาท ทำลูกเขาตาย ก็ต้องจ่ายหรือเปล่า จะไปขอโทษอย่างเดียวก็คงไม่ได้ ประมาทมันตั้งข้อหาง่ายเพราะกฎหมายเขียนไว้ชัด ว่าคนขับเรือมีหน้าที่อะไรบ้าง ชูชีพก็ไม่ให้ใส่ แสดงว่าไม่ได้ผ่านการอบรมการขับเรือมาเลย ถึงได้ไม่รู้ไง แต่พยายามบอกว่ามีชูชีพเยอะ ถ้ามีชูชีพเยอะวันนั้นน่ามีคนโดดตามไปนะ หอบชูชีพไปด้วย ถ้าเป็นผม ผมเอาชูชีพโดดตามไปแล้ว คนปกติเขาทำกันอย่างนี้ ผู้หญิงหรือเด็กตกน้ำ ชูชีพอยู่ข้างๆ ก็หอบไปสิ ไม่จมหรอก ไม่ใช่มาบอกตอนหลังผ่านไลฟ์สด ดูเฟกไงไม่รู้
พี่เกิดผล มองยังไง?
เกิดผล : ในส่วนตัวผม ยังไม่ได้พูดถึงรายละเอียด แต่เห็นด้วยกับอ.เดชา คือถ้าเป็นอุบัติเหตุจริงทำไมมันมีพิรุธ หมายถึงพฤติกรรมของเพื่อน สมมติรถชนกันบนถนน คนขับรถถ้าไม่ได้จงใจชน หรือไม่รู้จักกัน เขามักจะหลบหนี ถ้าไม่เจตนาชนเราจะอยู่รอที่เกิดเหตุมั้ย อันนี้เพื่อนเองตกน้ำ เราไม่ได้เป็นฆาตกร ไม่ได้ทำร้ายเขา ทำไมต้องปรึกษาทนาย โดยที่ยังไม่ได้ถูกตั้งข้อหาด้วยซ้ำ ทำไมไม่พูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องกลับไปตั้งหลัก อย่าว่าแต่ทนายเลย ผมว่าทุกคนในประเทศก็สงสัยเพราะมันขัดแย้งกับวิญญูชนทั่วไปที่เกิดอุบัติเหตุ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องซักซ้อม ทำไมต้องเตรียมการ ก็พูดไปตามความจริง ผมขับรถมาเบรกไม่ทันก็ชน ก็แค่นั้น ตกน้ำไปก็เล่าเหตุการณ์ไปตามจริง ไม่มีอะไรต้องซักซ้อม หรือโทรหาทนาย ในเมื่อเขายังไม่ตั้งข้อกล่าวหาคุณเลย เขาอาจเรียกคุณไปในฐานะพยานเฉยๆ
หลายคนไม่เชื่อว่าแตงโมไปนั่งฉี่ท้ายเรือ ความน่าจะเป็น มองยังไง?
ตั้ม : ที่เขาเล่าให้ฟัง ก็เหมือนที่เขาตอบสื่อมวลชน เขาเล่าว่ามีการไปฉี่จริง ตอนนั้นไม่เห็นภาพเรือและไม่ได้คุยกับแซน ก็ไม่รู้เรื่องราวเป็นยังไง แต่ถามว่าฉี่ได้มั้ย ดูจากหลายคนที่รีวิว บางคนบอกว่าได้ บางคนบอกว่าไม่ได้ ผมเลยไม่รู้ว่าจริงๆ จะได้หรือไม่ได้ ก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนดีกว่า
รณณรงค์ : แล้วพี่ตั้มได้มั้ย
ตั้ม : ผมก็ยืนฉี่สิ
โอกาสเดินไปฉี่ คิดว่ามีมั้ย?
เดชา : ถามผม ถ้าคนปกติ ไม่ได้บ้า ไม่ได้เมา เขาจะทำกันแบบนี้เหรอ นี่ข้อแรก สองแตงโมเป็นบุคคลมีชื่อเสียง เป็นดารา สามเป็นสุภาพสตรี สี่คนในเรือไม่ได้รู้จักกันทุกคน ผมว่าเขาน่าจะมีความละอายต่างๆ ไม่น่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น
แซนนั่งอยู่ท้ายเรือ ด้านหน้าเป็นกระติกนั่ง ถัดมาก็ปอ ขวามือตรงเรือเป็นเหมือนเบิร์ต มีคุณจ๊อบนั่งถัดลงมาหลังคนขับ เขาเดินมานั่งยองๆ แบบนี้ ประเด็นถ้าเป็นอุบัติเหตุจริง มันมีเงื่อนงำอะไรหรือเปล่า ด้านหลังไม่มีอะไรเลย แตงโมไปถึงเกาะแล้วนั่งยองๆ ใช้มือด้านซ้ายแหวกบอดี้สูท ปัสสาวะเสร็จจับขาแล้วยึดตัวเองขึ้นมา ตัวแซนไหลลงมาเพราะแรงโน้มถ่วงที่ดึง ปรากฏแซนบอกว่าแตงโม รอแป๊บนึงกูเสียหลัก ขอหาหลักก่อน เขาบอกว่าแตงโมเลยปล่อยมือจากขาเพื่อไปเกาะหลักของเรือ ถ้ามีหลักเรือจริงๆ ทำไมแตงโมไม่เกาะตั้งแต่แรก เป็นไปได้มั้ยอาจเป็นกรณีที่แตงโมเกาะขาไว้ พยายามลุกขึ้น แซนนั่งเล่นโทรศัพท์ เหมือนถูกกระตุกเหมือนจะตกน้ำ เลยดึงขากลับ มือแตงโมเลยหลุดแล้วตกลงไปหรือเปล่า มีโอกาสความน่าจะเป็นบ้างมั้ย?
ตั้ม : มันก็เป็นไปได้ เมื่อกี้ก่อนเข้ารายการ ก็คุยกันว่า ถ้าเกิดจากปฏิกิริยาอัตโนมัติของแซน แตงโมบอกว่ากำลังจะลุกขึ้นมาจริงๆ แล้วมีแรงดึงของเรือ แซนอาจตกใจพลั้งพลาดขากระเด้งขึ้นไป ทำให้แตงโมตก ตรงนี้เราก็ไม่รู้ไง เพราะมีแซนรู้คนเดียว คนในเรือทุกคนก็ไม่รู้หรอก เพราะตามคำบอกกล่าวเขาอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน ในเรือก็ไม่มีกล้องวงจรปิด พิสูจน์ค่อนข้างจะยากว่ามันยังไง
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แซนมีความผิดมั้ย?
เดชา : ผมว่าบุคคลนี้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะโดนออกหมายเรียกหรือหมายจับ ทำไปทำมา การตกเรือหรือความตาย เป็นการกระทำของเธอหรือไม่
ถ้าเขาบอกเป็นสัญชาตญาณ?
เดชา : ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้บ้า ไม่ได้เป็นโรคจิต ถ้าเพื่อนจะทำอะไรที่มีความเสี่ยงต้องห้ามปราม
รณณรงค์ : ผมว่าก็ต้องเหนื่อยหน่อยนะ ต้องไปพิสูจน์ให้ได้ว่าเขาประมาทเลินเล่อยังไง แต่ยังสงสัยว่าถ้ามีแค่นี้จริงๆ ต้องเป็นคนแรกที่อยู่เจอตร.ที่สุด แต่กลายเป็นว่ากลับไปกันหมดเลย ในสภาวะตอนนั้นมีแค่นี้จริงๆ หรือเปล่า หรือมีการขับเรือปกติแบบนี้ตลอดหรือเปล่า ก่อนตกลงไป มีคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าช่วงนั้นมีการขับเรือฉวัดเฉวียนหรือเปล่า ประกอบกับอาจไปเจอกับคลื่นพอดี เรือเลยจัมพ์ จังหวะนั้นแตงโมเลยหล่นลงไป ก็เป็นไปได้ แต่อยู่บนเรือกันหมด ทำไมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย และไม่พยายามอธิบายด้วย บอกแค่ว่าไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ที่แปลกที่ว่าผมกำลังพูดถึงตร.แปลกนะ ไม่ใช่พยานแปลกอย่างเดียว เรื่องนี้ถ้าเกิดขึ้น ตร.นนท์ต้องอายัดเรือ ไม่ให้ใครเอาไปล้าง อายัดไว้ก่อนแล้วเอาตร.ไปเฝ้า เพราะมีสิทธิ์ตามกฎหมาย กันพยานไว้มาสอบปากคำยังได้เลย ทำไมปล่อยออกไป เกรงใจคนรวยหรือเปล่า ผมตั้งคำถาม ถ้าทำแบบนี้ตั้งแต่แรก บอกทุกคนให้อยู่สอบปากคำหมด วันนี้ท่านผู้บัญชาการตร.แห่งชาติไม่ต้องเหนื่อยเลยเพราะหลักฐานอยู่ครบหมดแล้ว พอวันแรกคุณไม่ได้ทำ คุณจะมาเอาวันหลัง เขาได้มีโอกาสปรึกษาหารือ คุยกับทนายหลายท่านแล้วก่อนมาเจอกับตร. มันจะเหลือหลักฐานอะไรให้เราตามต่อ มันเป็นความบกพร่องในหน้าที่ของใครล่ะ
ไม่ได้ชี้นำสังคม แค่วิเคราะห์ ถ้าเกิดเรื่องนี้มองในมุมฆาตกรรม มองได้มั้ย?
รณณรงค์ : ต้องถามก่อนจะฆ่าเพื่ออะไร
ที่เขาพูดกัน มีการจะไปล่วงละเมิดแตงโม แตงโมไม่ยอม พยายามหลบเลี่ยงจนพลัดตกน้ำ เพราะเขาดูแก้วไวน์มีแก้วเดียว มีร่องรอยบาดแผลบนตัวคนในเรือ แม้แต่คลิปสุดท้ายของแตงโม มีคำว่าไปเอาเพื่อนมา มันมองมุมแบบนั้นได้มั้ย?
รณณรงค์ : มองได้ แต่มันพิสูจน์ยาก ถ้าพูดประเด็นนี้ พยานบุคคลมีแค่นี้ แล้วเขาบอกว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเลย ไม่มีวัตถุพยานอื่นชี้เชื่อมโยงเลย เว้นแต่ว่าจะไปเจอในเล็บคุณแตงโม บังเอิญมีดีเอ็นเอคนอื่นอยู่ นั่นถึงจะเป็นอีกเรื่องนึง เรื่องถึงจะพลิกได้
เกิดผล : ผมยังมองไม่เห็นมูลเหตุในการฆาตกรรม จากข่าว ไม่ว่ากระแสไปทิศทางไหนก็แล้วแต่ มันไม่มีเหตุต้องฆ่าผู้หญิงคนนึง เพื่ออะไร พลั้งเรืออีกเรื่องนะ ถ้าฆาตกรรมโดยวางแผนมา ผมยังมองไม่ออกว่าเขาจะฆ่าผู้หญิงคนนึงโดยที่ผู้หญิงอีกสองคนในเรือเป็นเพื่อนเขา จะไม่รู้สึกอะไรเหรอ หรือวางแผนกัน ถ้าประเด็นนั้น วางแผนฆ่า ส่วนตัวมองไม่เห็น แต่ถ้าพลั้งมือ หรือล้อกันเล่นแล้วพลาดพลั้ง ก็ว่ากันไป อาจเกิดขึ้นได้ ก็ถือว่าเป็นคดี เขาประมาทไปหรือเปล่า หากหยอกล้อกันเล่นแล้วผลักกันตกน้ำ เป็นประมาทมั้ย เห็นเขาตกน้ำแล้วไม่ช่วยก็เป็นอีกเรื่องนึง เล็งเห็นผลได้มั้ยเขาตกน้ำไป ขณะนั้นเขาเมาหรือเปล่า ครองสติได้มั้ย ถ้าเมาครองสติไม่ได้ เขาตกน้ำแล้วคุณไม่ช่วย ก็เคยมีฎีกา ตร.ไล่จับผู้ร้าย ผู้ร้ายกระโดดลงน้ำ แล้ววนขึ้นฝั่งไหนไม่ได้ตร.วิ่งดักไว้ สุดท้ายว่ายไม่ไหว จมน้ำตาย อย่างนี้ศาลฏีกาเคยลงโทษข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา สมมติคุณเห็นเพื่อนเมาแล้วครองสติไม่ได้ตกน้ำไปแล้วคุณไม่ช่วย ไม่โยนชูชีพ จากอุบัติเหตุก็อาจเป็นเจตนาฆ่าโดยเล็งเห็นผลได้
เดชา : การมโนก็มโนได้ จินตนาการไป ว่างๆ ไม่ทำไรก็นั่งฝันได้ แต่โดยหลักกฎหมาย ผมทำคดีฆ่าเยอะ โดนฆ่าอะไรก็ติดต่อผมได้ โดยทั่วไปอันดับแรกเขาดูแรงจูงใจ สาเหตุโกรธเคืองร้ายแรงมากมั้ย ถึงขนาดต้องฆ่ากัน เช่นแย่งเมียแย่งผัว ทรัพย์สมบัติจำนวนมาก คู่แข่ง ยาเสพติดมีมั้ย ดูแล้วไม่น่ามี อาวุธมีมั้ยขวดมีดปืนทุบหัวมีมั้ย ไม่มี สามร่องรอยการเกิดแผลดูแล้วน่าจะเกิดในเรือมั้ย ฟังแล้วบาดแผลไม่น่าเกิดในเรือ
ผลชันสูตรแถลงแล้ว ช่วงล่างมีบาดแผลรอยลึกด้านข้างขา อาจโดนของมีคมหรือใบพัด?
เดชา : แล้วก็ดูพฤติการณ์ในการทำความผิด สามารถพิสูจน์เจตนา ดูว่ามีอะไร แต่ดูๆ แล้วไม่น่ามี ถามผมเหมือนคนเมาไวน์ไปอยู่บนเรือ เสร็จแล้วมีอุบัติเหตุ ซึ่งเกิดจากอะไรผมไม่ทราบ แต่ผมมองว่าทุกคนเมา ใครบอกไม่เมาไม่เชื่อ
ตัดเรื่องฆาตกรรม?
เดชา : ไม่มีหรอก
ทนายตั้มล่ะ?
ตั้ม : ก็เห็นด้วยกับทั้งสามท่าน แต่ขอเสริม ดูลักษณะอาการตัวผู้อยู่ในเรือ การให้สัมภาษณ์สื่อ การมาพบผม หรือการไปให้การตร. ทุกคนมีบันทึกไว้หมดแล้ว ลักษณะการแสดงออก ผมว่าไม่ใช่คนก่อคดีอาชญากรรมร้ายแรงมา เพียงแต่ว่าเขากลัวความผิดเรื่องประมาทเท่านั้นเอง ว่าต้องโดนคดีอะไรยังไงบ้าง ส่วนอื่นๆ มูลเหตุจูงใจ พยานหลักฐานบนเรือ อย่างที่ทุกคนตอบไปเลย
พลั้งมือเป็นไปได้มั้ย?
ตั้ม : อันนี้แซนรู้แค่คนเดียวครับ
ผู้ชายที่บอกไปลวนลาม ไม่น่าจะมี?
รณณรงค์ : แผลที่ขาไง ไม่เคยเห็นใครลวนลามแล้วเอามีดไปกรีดขาคนอื่น ไม่เคยเห็นจริงๆ ถ้าใครเคยเห็นบอกหน่อย พอแผลที่ศพออกมาเจอ ก็มองอย่างเดียวว่าตอนหล่นลงไป ก็อาจไม่มีแผลเลยก็ได้ แสดงว่าบนเรือก็ไม่น่ามีอาวุธอะไร จะมีใครเอามีดมาบังคับนางเอก มันยากนะ ถ้าทำกันขนาดนั้น ผมว่าที่เหลือน่าจะไม่ยอม
ตั้ม : ใช่ ลวนลามบนเรือไม่ได้อยู่กันแค่สองต่อสอง อยู่กันหลายคน ถ้าลวนลามนางเอกดัง เขากลับขึ้นฝั่งมาเป็นเรื่องแน่
เดชา : มือถือก็มี ส่งไลน์ก็ได้ ไลฟ์สดยังได้เลย
ผมก็มองอย่างนั้น มองว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุ แต่เป็นอุบัติเหตุที่มีเงื่อนงำ ซึ่งอาจเกิดจากเขากลัวและพูดอะไรสะเปะสะปะ?
รณณรงค์ : กลัวอะไร ก็แค่มาให้ปากคำ
ทุกคนมีความกลัวหมดเลยนะ หนึ่งกลัวนักข่าว สองเรื่องคุณปอ อาจกลัวเรื่องกระแสสังคม เพราะเขาทำงานทำอะไร เรื่องการขับเรือล่ะ มองยังไง?
ตั้ม : การขับเรือที่ไม่มีใบอนุญาต ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย โทษไม่ถึงจำคุกหรอก แต่เรื่องที่เขากังวลและกลัวคือประมาทมากกว่า ตอนเขามาขอความเห็นจากผมนะครับ ในส่วนเรื่องเรือเป็นแค่เรื่องนิดๆ หน่อยๆ แค่นั้นเอง ไม่น่าจะเป็นประเด็น
ทำไมทำให้สังคมจับตามอง ทำไมไม่อยู่ช่วยเพื่อน สองทำไมไม่ปรากฏตัวตั้งแต่แรก สามมีบาดแผลเกิดขึ้นของแต่ละคน คนก็สงสัยอีก พี่มองยังไง?
รณณรงค์ : ก็หนีไงตอนแรก ตกใจก็เลยหนี ประกอบกับตัวเองดื่มกันมาด้วย กลัวโดนดำเนินคดีเพิ่มหรือเปล่า เลยกลับบ้านไปก่อน ก็เห็นหลายคนทำแบบนี้ คนที่เขามีที่ปรึกษาดีๆ เขาทำกันแบบนี้ ไม่ให้ตร.เป่าแอลกอฮอล์ก็หนีกลับก่อน เพราะตร.ยังไม่ได้สั่งให้ตรวจนี่ เหมือนขับรถ อย่าลืมนะถ้าเมาแล้วขับทำคนตาย มันมีเหตุให้ศาลไม่รอลงอาญาก็ได้ ต่อให้จ่ายเยอะก็ตาม แต่นี่เป็นเรือ ถึงไม่มีกฎหมายชัด แต่การขับเรือต้องมีความปลอดภัย ถ้าเมาแล้วขับก็ส่อให้เห็นว่าคุณประมาทเลินเล่อค่อนข้างเยอะกว่าคนอื่น
ตั้ม : เรื่องเมาแล้วขับ เขามีการรับแล้วว่าดื่มกันไปจริง ทั้งคนขับและหลายๆ คน น่าเป็นเหตุในการลงโทษ ศาลอาจใช้ดุลยพนิจรอลงอาญาให้หรือเปล่า ถึงแม้ชดใช้ค่าเสียหายไปแล้ว แม้แม่คนตายไม่เอาเรื่องเอาราย รับสารภาพด้วย เดี๋ยวศาลจะดูตรงนี้ด้วย
เกิดผล : ผมเชื่อว่ามีการดื่ม เมา เผลอๆ น้องแตงโมดื่มด้วย อุบัติเหตุครั้งนี้อาจเกิดจากน้อง หรือใครคนใดคนหนึ่งซึ่งเกิดเหตุจากการเมา แต่ก็ยังสงสัยว่าเมาขนาดไหน ที่มีเพื่อนตกน้ำตาย แล้วยังเมาค้างอยู่ ส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุ จะหายเมาเป็นปลิดทิ้งนะเท่าที่เห็น
เดชา : ถ้าเมามากก็คิดอะไรไม่ได้ไง ก็เมา
เรื่องสัญญาประกันชีวิต ที่คุณธัญญ่าโทรศัพท์ไปบอกฮิปโปว่ามีสัญญาตัวนึงที่แตงโมเคยทำไว้ เป็นเรื่องประกันชีวิตที่รายการมอบให้ ถ้าเสียชีวิตไป ผู้รับประโยชน์คือลูกกระติก ได้รับเงิน 1 ล้านบาท เรื่องนี้จะเป็นประเด็นมั้ย?
ตั้ม : ตอนนี้ที่มีข่าวว่าทางแม่แตงโมยกเลิก จริงๆ ถ้าคนยกเลิกได้คือผู้เอาประกัน แต่ต้องก่อนที่ผู้รับประโยชน์จะแสดงเจตนาถือเอาประโยชน์ของสัญญาประกันด้วย ถึงจะยกเลิกได้ กรณีนี้ สมมติคนทำเสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่สามารถยกเลิกได้
แสดงว่าประกันอันนี้ต้องถึงมือลูกกระติก?
ตั้ม : ก็ตามเจตนาที่เขาทำไว้ก่อนตาย ว่าเขาอยากยกให้ใคร คนนั้นก็ได้ไป
ถ้ากระติกต้องการแสดงความจริงใจ ต้องเอาเงิน 1 ล้านบาทคืนให้แม่เขาไป?
รณณรงค์ : ต้องไปเอาใบมรณบัตรจากแม่เขาก่อน แล้วไปเอาเงิน 1 ล้าน จะให้มั้ยก็หลังจากนั้น ต้องคุยกันและต้องให้แม่ให้อภัยด้วย
เมื่อวานเขาพูดจาขอโทษขอโพย เขาพยายามแสดงความจริงใจ แต่กลายเป็นอีกเรื่องนึงเลย จะมีผลมั้ย?
เดชา : นี่ไปขอโทษ หรือไปเถียงกับแม่
ฝั่งปอกับโรเบิร์ตบอกจะชดใช้ให้แม่ จะดูแลแม่ต่างๆ นานา จะเป็นการบรรเทามั้ย?
ตั้ม : บรรเทาครับ ต้องบอกว่าคนวางหมากให้เขาฉลาดพอสมควร มีทั้งกราบขอโทษออกสื่อ
ใช้คำว่าวางหมากเลยเหรอ?
ตั้ม : ใช้คำว่าแนะนำก็แล้วกันครับ มีจะไปบวชด้วย ชดใช้ค่าเสียหาย ทุกอย่างพวกนี้ เขาต้องเอาไปใช้ในศาลอยู่แล้ว เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจลงโทษสถานเบา
เขามีความผิดแน่นอนเรื่องการขับเรือ?
ตั้ม : ตร.ตั้งข้อหาแล้ว ถ้าอัยการสั่งฟ้องก็ไปศาลแน่นอน
รณณรงค์ : เป็นเรื่องปกติที่คนเขาทำกัน มันก็ต้องทำแบบนี้แหละ ไปทางอื่นมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเก่งนะ ทำให้แม่เขายอมรับได้ จากที่เขาไม่คุยเลย ไม่รู้ใช้วิธีไหน
เดชา : เป็นสูตร เวลาขับรถชนคน ตกเรือ ก็ต้องแนวนี้แหละ หนึ่งรับสารภาพ สองออกโหนกระแสต้องร้องไห้ สามกราบเท้า สี่ถ้าดูแลดีก็ขอกอดด้วย ดูแลค่าเสียหายเต็มที่
เกิดผล : ทางออกที่ดีที่สุดถ้ารู้ว่าตัวเองไปไม่ได้คือการเยียวยา ทางออกที่ดีที่สุดถ้าจะให้ระงับทั้งแพ่งและอาญา ไม่ให้เกิดความเสียหายก็คือชดใช้ค่าเสียหาย จะนอกรอบ ในศาล หรือเจรจากันก็ได้ ถ้าเป็นที่พอใจของเขาแล้วก็เป็นอันยุติได้
เดชา : เขาเรียกว่าเป็นการสำนึก ถึงแม้จะจริงหรือจัดฉากก็เป็นการสำนึก ส่วนการบรรเทาต้องขอเลขบัญชีมาและโอนเงินเข้าไป อันนี้คือเรียกว่าบรรเทา
เขาจะให้รายเดือน ได้มั้ย?
เดชา : ทำได้ อยู่ที่เขาตกลงกัน
ตั้ม : ถ้าแม่เขายินยอม
ถ้าแม่เขาขอเป็นก้อน?
ตั้ม : ถ้าแม่ขอเป็นก้อนแล้วทางนั้นบอกไม่ไหว ศาลอาจพิพากษามาให้ว่าตอนนี้ได้รับมาเท่าไหร่แล้วก็ได้ หรือศาลอาจให้เลื่อนคดีไป 6 เดือน รอดูฟังผลว่าได้จ่ายเงินจริงมั้ย ชำระเป็นก้อนๆ ได้เท่าไหร่
รณณรงค์ : ควรเอาเป็นก้อนตั้งแต่วันนี้เลย จะได้ไม่ต้องมาตามทุกเดือน มันง่ายดี ผมแนะนำอย่างนี้นะ ไม่ต้องไปรอผ่อน
ตั้ม : แต่ผมก็เชื่อว่าเขาจ่ายเป็นก้อน เพราะเขาก็อยากจบไว พวกนี้ก็มีเงินกันอยู่แล้วแต่ละคนก็เป็นไฮโซ เขาพร้อมจ่าย ก็ต้องมาดูตัวเลขว่าแม่แตงโมติดใจเท่าไหร่ ทางเขาไหวเท่าไหร่ หาจุดกึ่งกลาง ถ้าจบได้ แม่ต้องไปแถลงในศาลว่าไม่ติดใจเอาความสองคนนี้แล้ว ถ้าตกลงตัวเลขกันไม่ได้ แม่ก็ยังติดใจอยู่ ก็เป็นผลลบกับตัวผู้ต้องหาได้ว่าฝ่ายผู้เสียหายยังติดใจอยู่นะ แต่ถ้าเขาเรียกมากเกิน ทางนี้ไม่ไหว เขาก็อาจเอาเงินก้อนนึงที่คิดว่ามากพอแล้วไปวางศาลแล้วรับสารภาพก็ได้ อันนี้คือสูตรสำเร็จของคนที่รับสารภาพ ชดใช้ค่าเสียหาย เพื่อให้ศาลลงโทษน้อยที่สุด หรือรอลงอาญา
เรื่องการปัสสาวะเอาจริงๆ มันตรวจสอบได้มั้ย จะมีหลักฐานมั้ย เพราะมีคนรู้คนเดียวคือแซน?
เดชา : ตรวจสอบไมได้หรอก ได้ข่าวมาว่าผลตรวจสอบไม่สามารถตรวจสอบปัสสาวะได้ ฉะนั้นเมื่อไม่มีประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมต่างๆ ก็เป็นเรื่องยาก
ตั้ม : แม้ตัวน้องแตงโมไม่สามารถตรวจได้เพราะร่างกายเสียไปหมดแล้ว แต่ตรงท้ายเรือที่อ้างว่าไปนั่งฉี่ ถ้าฉี่จริงๆ ต้องเลอะตรงกาบเรือตรงนั้น เขาสามารถตรวจได้ถ้ามีเหลือพอ เพราะตรงนั้นน้ำก็น่าจะเข้า พูดตรงๆ แต่ถ้าเหลือเจือจางนิดหน่อยก็อาจมีปัสสาวะน้องแตงโมอยู่จริง
ถ้าเจอปัสสาวะคุณแตงโมตรงนั้น คือจบเลย?
ตั้ม : แสดงว่าเขาพูดความจริง
รณณรงค์ : ถ้าเขาเอาเรือไปล้างล่ะ
ตั้ม : ก็ยังตรวจเจออยู่นะ
ล่าสุดตร.เอาใบพัดเรือไปตรวจแล้วว่าขาหลุดไปข้างในหรือเปล่า ตรงนี้ดีเอ็นเอน่าจะยังอยู่?
ตั้ม : น่าจะยังอยู่ ถ้าโดนเรือลำนี้นะ
เดชา : ไม่มั่นใจ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือ เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ กี่ขวดเมาก็ตอบได้
ตรงเลข 25 มีมือจับอยู่ หลายคนถามว่าถ้าไปนั่งฉี่ตรงนั้น มือจับตรงนั้นไม่แน่นกว่าจับขาเหรอ ทำไมไม่จับตรงนั้น ไปจับขาทำไม?
ตั้ม : ตรงนี้มีอยู่สองทาง อย่างแรกคือแตงโมเห็นอันนี้หรือเปล่า เพราะตอนกลางคืน ทราบว่ามีที่จับหรือเปล่า สองแซนนั่งอยู่ก็อาจจะบัง ทำให้ไม่สามารถจับตรงนี้ได้ ก็เลยต้องจับขาแทน พูดถึงความเป็นไปได้นะ
เดชา : มันไม่มีพยานหลักฐาน พูดยาก
รณณรงค์ : ถ้าเขาเห็น เขาคงจับแหละ เขาคงไม่ไปจับขาหรอก
เกิดผล : ส่วนตัวผมว่าเรือลำนี้ขึ้นมาตั้งแต่ทุ่มสองทุ่ม เดินไปเดินมาต้องเห็นบ้างแหละ เรือไม่ได้กว้างอะไร เชื่อว่าถ้าแตงโมไม่มีใครบัง หรือไม่เกิดอุบัติเหตุก่อน เป็นผมก็เลือกจับที่มั่นคงก่อน
เรือไปเรื่อย ๆ เลย วิ่งช้ามาก?
เกิดผล : ประเด็นแรก ถ้าบอกว่าแตงโมไม่เห็น ไม่ค่อยปักใจเชื่อ เพราะเขาขึ้นเรือตั้งแต่หลายชม.ก่อน น่าจะมองเห็นอยู่ สองขณะที่แตงโมไปปัสสาวะจริง เขามีผ้าคลุมสีขาวอยู่ เขาจะเอามือไหนจับผ้าคลุม เอามือไหนแหวก ต้องใช้สามมือเลยนะ อุบัติเหตุแน่ แต่เป็นอุบัติเหตุแบบไหน เพราะเอามือไปจับขาเพื่อนหรือจับเสาก็ได้ หนึ่งมือแล้ว ผ้าคลุมตรงนั้นจับยังไง
ตั้ม : เขาอาจจะถกหนีบรักแร้
เกิดผล : แต่ก็ไม่มีใครพูดถึง
ตั้ม : ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจดี
เกิดผล : ก็เลยสงสัยตรงนี้ ว่าทำไมคุณแซนไม่เคยเห็นพูดเรื่องเสื้อผ้า เรื่องชุดคลุมอะไรเหล่านี้ คุณแตงโมเมาถึงขนาดนั้นหรือเปล่า ใช้มือไหนทำ
เรื่องไทม์ไลน์ ฝั่งคนอยู่บนเรือ 4 คน ไล่ไทม์ไลน์ให้ดูจากภาพ แต่มีคนบอกว่าเปลี่ยนเวลาได้ แต่ตร.ก็เช็กได้ ปรากฎว่าไทม์ไลน์กำลังถูกเอามาเทียบเคียงกับระบบจีพีเอสของเรือ ว่าช่วงเวลานี้อยู่ตรงไหน สองดูความเร็วได้เลยว่าวิ่งความเร็วเท่าไหร่ จังหวะไหน ตอนนี้อยู่กับตร.หมดแล้ว ตัวนี้ทำให้เขาหลุดเลยได้มั้ย?
ตั้ม : หลุดจากอะไรล่ะ
รณณรงค์ : จะบอกว่าหลุดจากประมาทไม่ได้ เพราะกฎหมายเขียนชัด ขับเรือต้องระมัดระวัง ผู้โดยสารจะหล่นเรือไม่ได้ ผู้โดยสารอยู่ตรงไหน จะไปฉี่หรือยังไง คุณก็ต้องห้าม เป็นหน้าที่คุณเลย งั้นถึงรีบขอโทษ
เกิดผล : คำขอโทษต้องเป็นเงินสดมั้ย
รณณรงค์ : อันนี้ไม่รู้
ทนายตั้มบอกว่าเรื่องประกัน เงินต้องเป็นของเด็ก คุณธัญญ่า ธัญญ่าเรศ โทรหาเมื่อกี้ โทรหาเลยตอนนี้ ประกันตัวนั้นมีอยู่จริงมั้ย???
ธัญญ่า : มีจริงค่ะ เป็นประกันอุบัติเหตุของทิพยประกันภัย เขามาออกรายการธัญญ่า แล้วมีกรมธรรม์มอบให้กับน้องแตงโม ซึ่งวันนั้นถ่ายไม่ได้ไปดูรายละเอียด แต่ล่าสุดมีการเช็กไป ว่ากรมธรรม์ออกเป็นชื่อลูกบุญธรรม แล้วแตงโมเขาเซ็นไว้ค่ะ
ตั้ม : เขาจดทะเบียนรับเป็นลูกบุญธรรมด้วยเหรอ
ธัญญ่า : เขาเขียนชื่อน้องไว้เลยค่ะ ตัวธัญญ่าเองก็โทรไปถามทางประกัน ประกันบอกว่าตามกฎหมายแล้ว เขียนชื่อใครก็ต้องให้คนนั้น ธัญญ่าก็ไม่รู้รายละเอียดจริงๆ มันต้องยังไง นี่คือรายละเอียดที่สอบถามมาค่ะ แต่กฎหมายจริงๆ ญ่าก็ไม่แน่ใจ
ได้ติดต่อประสานไปทางบริษัทประกัน หรือเช็กรายการหรือยัง ว่ามีอยู่แน่ๆ ใช่มั้ย?
ธัญญ่า : มีอยู่แน่ ๆ ค่ะ ธัญญ่าเป็นคนมอบให้กับมือ แต่เรื่องลายเซ็นต่าง ๆ แตงโมเป็นคนเซ็นเอง ชื่อเป็นชื่อน้อง แต่รายละเอียดธัญญ่าไม่ได้สนใจว่าผู้รับผลประโยชน์จะเป็นใคร
จะประสานยังไงต่อไป?
ธัญญ่า : ทางบริษัททิพยประกันภัย เขาก็รอว่าทางผู้รับผลประโยชน์จะติดต่อมา ก็อยู่ที่ทางนี้แหละค่ะ น่าจะเป็นคุณแม่ของน้องติดต่อไปค่ะ
เรื่องนี้ตัวกรมธรรม์อยู่กับใคร?
ธัญญ่า : บริษัทธัญญ่า ส่งตัวกรมธรรม์ไปที่บ้านแตงโม ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือใคร เราไม่ทราบเลยค่ะ ส่งไปตามที่อยู่ที่เขาแจ้งไว้ ระยะเวลาคือ 1 ปี ตอนนี้ 10 เดือนแล้วค่ะ แตงโมเขามาออกรายการ 10 เดือนแล้วค่ะ
จะมีการประสานกับกระติกมั้ย เพราะมาจากรายการธัญญ่า?
ธัญญ่า : จริง ๆ คุยกับทางประกันเรียบร้อยแล้ว เขาบอกว่าอยู่ที่ตัวผู้รับผลประโยชน์จะติดต่อมาทางประกันเท่านั้น แต่เขาก็เตรียมเงินเรียบร้อยค่ะ
ต้องไปเอาใบมรณบัตรก่อนมั้ย?
รณณรงค์ : ต้องมีหลักฐาน แล้วเอาไปยื่น
เขาจะคืนให้ไม่คืนก็ว่ากันอีกที?
ธัญญ่า : ใช่ค่ะ
มองยังไง?
เดชา : เงินเป็นของผู้เยาว์
มีโอกาสอายัด แคนเซิลมั้ย ถ้าแม่จะทำ?
เดชา : ผมว่าน่าสมบูรณ์แล้ว ไม่น่าทำอะไรได้ เพราะสัญญาประกันภัยหรือกรมธรรม์ เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก แบบที่ทนายตั้มพูด เป็นการทำเพื่อประโยชน์บุคคลภายนอก ฉะนั้นบุคคลภายนอกเขาสุจริตอยู่แล้ว เขาก็ต้องได้รับตามนั้น แต่ทีนี้เป็นผู้เยาว์ คุณกระติกได้มาจะเอาไปมอบให้คนอื่นไม่ได้ นอกจากได้รับการอนุญาตจากศาลเยาวชน ซึ่งทางปฏิบัติทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเอาไปยกให้คนอื่น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเด็ก
ยากไปอีก สรุปแล้วเงินก้อนนี้ 1 ล้านต้องตกเป็นของลูกกระติก แต่จะเอาเงินออกมาได้ ต้องไปเอาใบมรณบัตร ซึ่งแม่เป็นคนเอามา แม่มีสิทธิ์ให้มั้ย?
รณณรงค์ : เขาจะไม่ให้ก็ได้
ฉะนั้นใบมรณบัตรนี้อาจไม่ถึงกระติก กระติกก็อาจไปรับเงินตรงนี้ไม่ได้?
รณณรงค์ : กระติกต้องไปขอโทษแม่ใหม่ แนะนำว่ารอบนี้ต้องร้องไห้ด้วย อย่าร้องไห้คนเดียว
ไปคัดเองได้มั้ย?
เดชา : ได้เพราะมีส่วนได้เสีย หรือไม่ประกันก็ตรวจสอบเองได้
ด่านที่สอง ถ้าได้ใบมรณบัตรแล้ว ไม่ว่ากระติกขอเอง หรือแม่ให้มา เอาใบมรณบัตรไปขึ้นเงินทางประกัน ได้เงิน 1 ล้านแล้วจะเอาไปให้แม่ ไม่ได้อีก?
เดชา : ไม่ได้ เป็นเรื่องใหญ่เลย เพราะเป็นทรัพย์สินผู้เยาว์ ต้องไปขออนุญาตศาลเด็ก ซึ่งไม่อนุญาตอยู่แล้ว จะเอาทรัพย์สินผู้เยาว์ไปยกให้คนโน้นคนนี้ไม่ได้ ต่อให้กระติกอยากคืนแค่ไหนก็ไม่ได้
ตั้ม : ต้องเอาเงินส่วนตัวคืนไป
เกิดผล : เงินที่ได้มาถ้าเป็นของเด็ก ต้องขออนุญาตศาลเท่านั้น ปกติศาลจะให้ผู้อำนวยการศาลพินิจดูแลทรัพย์สินร่วมด้วย
ตั้ม : บอกเอาไว้ให้ประชาชนรู้ด้วย สมมติเราอยากให้ทรัพย์สินลูกที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แล้วเราโอนไปแล้ว วันนึงเราร้อนเงิน อยู่ๆ จะไปโอนที่หรืออะไรมาเลยไมได้ ต้องขอคำสั่งศาล ถ้าเกิดว่าเป็นการกระทำไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของเด็ก ส่วนมากศาลจะไม่อนุญาต
เกิดผล : ถือว่าไม่ใช่ผลประโยชน์ของเด็ก เพราะหลักกฎหมายเพื่อเด็ก แต่เอาเงินไปคนอื่น ก็ไม่ใช่เพื่อเด็ก
แล้วเงิน 1 ล้านนี้ไปอยู่ที่เด็กแล้ว แม่เด็กมีสิทธิ์เอาไปใช้ได้มั้ย?
เกิดผล : ตามหลักแล้วไม่ได้
แล้วจะไปอยู่ไหน?
เกิดผล : อยู่ในบัญชีของลูก อยู่ที่ว่าลูกสามารถเบิกได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวนี้ 18-19 ก็เบิกได้แล้ว
แม่แตงโมไปฟ้องอายัดไม่ได้ด้วย?
เกิดผล : ไม่ได้
เดชา : แนะนำวิธีที่ง่ายกว่านั้น อันนี้แค่ล้านเดียว ไปรับประโยชน์จากผู้ต้องหาเพิ่มสิ ง่ายกว่านะ คิดทำไมให้ยุ่งยาก ก็ไปเรียกเพิ่มจากสองผู้ต้องหาเพิ่ม
ตั้ม : ผู้ต้องหาปาดเหงื่อแล้ว
เดชา : ก็ให้สองคนเพิ่มคนละ 5 แสน ไม่ต้องไปยุ่งกับ 1 ล้าน ไปเรียกกับคนเมื่อวานที่มาสมัครเป็นลูกเพิ่มคนละ 5 แสน ที่บอกจะดูแลให้ดีที่สุด ไหนๆ จะดูแลแล้วก็เพิ่มอีกล้านนึง ที่มีผู้ต้องหาสองคนไปกราบเท้าพวงมาลัยกอด ดูหลังจากนี้นะ ดูข้อหาแล้วกันว่าใครบ้างจะเป็นผู้ต้องหาที่ไปถึงศาล เอาแค่นี้ หลังเคลียร์ค่าเสียหายกันแล้ว เพราะประเด็นคือความตายเป็นผลจากความประมาทของใคร แค่นี้ก็จบแล้ว ตอนนั้นใครขับเรือ เกิดจากเหวี่ยงเรือ หรือเกิดจากแซน ถ้าเขาเคลียร์กันได้ ก็คอยดูว่าถึงศาลเหลือผู้ต้องหากี่คน
ตั้ม : ใครจะอยากให้ลูกติดคุก (หัวเราะ)
เดชา : คอยดูหลังจากวันนี้ หลังเป็นลูกเป็นแม่กันแล้ว จะเหลือกี่คนที่ถึงศาล
เกิดผล : ผมมองว่ามีโอกาสที่ผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น เพราะแจ้งข้อหาสองคน คนอื่นยังมองว่าถ้าสอบต่อไปอาจมีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นก็ได้
เดชา : ผมห่วงผู้ต้องหาที่ไม่มีเงินจ่าย
เขาไม่เกี่ยว?
ตั้ม : ก็เขาไม่ได้เป็นลูก เขาเกลียดกันอยู่ ไม่มีอะไรหรอก รณณรงค์รู้ดี ถ้าบางคนไม่ได้ไปถึงศาล อาจดังพอๆ กับกระทิงแดงก็ได้นะ เพราะนี่เป็นข่าวใหญ่นะ
เดชา : ตกลงเขาตกเรือเพราะการกระทำใคร กฎหมายต้องมีการกระทำก่อน เบิร์ตกับปอจะมาแย่งพวงมาลัยกันเหรอ เราดูกระแสก็ว่าไป แต่สุดท้ายใครเป็นผู้ต้องหา ผมรู้ว่าใครเป็นผู้ต้องหา
ตั้ม : อาจารย์เขียนคนนึง แล้วผมเขียนคนนึง พี่หนุ่มดูว่าตรงกันหรือเปล่า เอาคนที่คิดว่าโดนแน่
ทั้งสองคนเขียนชื่อคน ๆ เดียวกัน?
เดชา : เพราะคนนี้เขาให้การรับสารภาพแล้ว
ตั้ม : ถ้ารอดสองคนค่อนข้างสะเทือนไปนิดนึง อาจมีคนนึงที่ขึ้นสู่ศาล
เดชา : ดีไม่ดีเหลือผู้หญิงคนเดียวด้วย บอกให้