‘ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น’ มาแล้ว! เหนือชั้นกว่าทุกแพลตฟอร์ม
โครงการจัดแข่งเทรด กองทุนบิทคอยน์ และหุ้นบลูชิพ ระดับโลก โอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศไทยกว่า 600,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 พล.อ.อุทัย ชินวัตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรรมการโรงไฟฟ้าขยะหนองแขม เข้าเยี่ยมชมโครงการ Ozone Park City อาณาจักรศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านการลงทุนกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดา,และหุ้นบลูชิพระดับโลกเช่น Tesla, Apple, Disney, Netflix, Google และสินทรัพย์ทางการเงินผ่านโปรแกรมแข่งขันเทรดกว่า 5 แสนรายการภายในบัญชีเดียว บริเวณถนนกาญจนาภิเษก อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
โดยมี ศ.ดร.(กิตติคุณ) สุรวุฒิ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์ สแกน (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในตัวแทนในการเปิดประมูลไลเซ็นต์การจัดการแข่งขัน การซื้อขายกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดา ที่ค่าคอมมิชชั่นถูกกว่าเว็ปเทรดคริปโตอันดับหนึ่งของอเมริกาและอันดับหนึ่งของไทยกว่า 100% ตามข้อมูลอ้างอิง https://youtu.be/QOXBuAWl418 และหุ้นบลูชิพต่าง ๆ ในครั้งนี้ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้มีศักยภาพทางด้านการร่วมจัดโครงการทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ Ozone Park City ถือเป็นบริษัทฯ หนึ่งที่ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประมูลใบอนุญาต (Licence) ในการจัดการแข่งขันซื้อขายกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดา และหุ้นบลูชิพต่างๆ อย่างถูกต้องในประเทศไทย จากโครงการ “ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” (Dubai Crypto Unicorn) ของ “มูลนิธิฟอร์เชียส แคปิตอล (Fortius Capital Foundation)” นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้คนไทยที่ต้องการทำธุรกิจสร้างรายได้จากเป้าหมายนักเทรดคริปโตกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก นักเทรดหุ้นจีนกว่า 160 ล้านคน หรือแม้แต่นักเรียนจีนกว่า 400 ล้านคน
โดย “ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” เป็นโครงการที่มาพร้อมกับแพลตฟอร์มการแข่งขันซื้อขายกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดาและหุ้นบลูชิพต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับกลุ่มธนาคารมูลค่าแสนล้านบาท แต่ที่เหนือกว่าคือ สามารถซื้อขายสินทรัพย์ทั่วโลกที่ผ่านแพลตฟอร์มนี้กว่า 500,000 รายการ รวมถึงตลาดกองทุนบิทคอยน์ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก และแคนาดา ในขณะที่เว็บซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลเข้ารหัสอันดับ 1 ของประเทศไทยสามารถซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลเข้ารหัสได้เต็มที่ไม่เกิน 500 รายการเท่านั้น
สำหรับบริษัทในประเทศไทยผู้ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประมูลใบอนุญาตการจัดแข่งเทรดกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดาและหุ้นบลูชิพต่างๆ อย่างถูกต้อง ภายใต้ใบอนุญาตมูลนิธินครดูไบ โดยใช้แพลตฟอร์มบ่มเพาะธุรกิจของ “ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” ที่สนับสนุนด้านเทคโนโลยีโปรแกรมเทรดและบัญชีเทรด โดย บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป จำกัด (Capital Trust Group Ltd. (CTG)) ขณะนี้มีอยู่ 3 บริษัท คือ 1. บริษัท มันนี่ เพาเวอร์ 2011(ประเทศไทย) จำกัด ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประมูลจำนวน 10,000 ใบอนุญาต 2. บริษัท แอร์ สแกน (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประมูลจำนวน 5,000 ใบอนุญาต และ 3.บริษัท โอโซน ปาร์ค ซิตี้ จำกัด ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประมูลจำนวน 5,000 ใบอนุญาต รวมจำนวนทั้งสิ้น 20,000 ใบอนุญาต
นายรุทธิรงค์ สุ่นกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มันนี่ เพาเวอร์ 2011(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมอยู่ในแวดวงธุรกิจโทรคมนาคมมานาน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้หันมาพิจารณาว่า งานไหนที่ต้องทำ เราต้องทำให้ได้ อย่างในอนาคตผมมองว่าธุรกิจที่จะไปได้ดีคือ งานที่ต้องสัมปทาน หรืองานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ยิ่งเราโดนผลักดันให้เร็วขึ้นจากโรคโควิด-19 จึงเป็นอะไรที่สำคัญมาก คนไม่จำเป็นต้องมาเจอหน้ากัน แต่ธุรกิจต้องเดินต่อไปได้
โครงการ “ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” น่าสนใจตรงที่ทำให้คนไทยกว่า 20,000 คน สามารถทำธุรกิจจัดแข่งขันเทรดเพื่อสร้างรายได้ โดยตั้งเป้ากลุ่มผู้สนใจในธุรกิจระดับโลกที่แตกต่างกัน เช่น สามารถจัดแข่งเทรดหุ้นแอปเปิ้ลในตลาด NASDAQ และกองทุนบิทคอยน์ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค โดยตั้งเป้ากลุ่มผู้สมัครที่เป็นผู้ใช้ไอโฟน 1 พันล้านคนทั่วโลก ทำให้คนไทยมีโอกาสทำธุรกิจจัดแข่งขันเทรดได้เสมือนสถาบันการเงินระดับโลก โดยที่ไม่ต้องลงทุนด้านเทคโนโลยีหรือมีใบอนุญาตอินเวสต์เมนท์ แบงก์ และยังสามารถหารายได้จากการนำ Big Data สถิติกลยุทธ์การซื้อขายของผู้เข้าแข่งขันทุกคนที่ตนเองจัดขึ้นนำไปขายให้แก่สถาบันการเงินหรือนักลงทุนทั่วโลกในรูปแบบของการทำก็อปปี้เทรดดิ้ง
ถ้าเราเข้าใจว่าโลกมันเปลี่ยน การระดมทุนวิธีการก็เปลี่ยน อย่างเมื่อก่อนเราจะหาเงิน เราต้องวิ่งไปที่ธนาคารเพื่อไปเดินเรื่องเอกสาร หรือย้อนไปสมัยโบราณที่ไปเล่นแชร์ โต๊ะแชร์ต่าง ๆ ไประดมทุนมา เพื่อทำธุรกิจต่อ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะโลกโดนผลักดันไปหลาย ๆ ด้าน โดยสำคัญที่สุดคือโครงการนี้สามารถทำให้คนไทยกว่า 20,000 ราย สร้างเครือข่ายนักลงทุนหรือ Investor Network ในต่างประเทศเป็นของตนเอง เป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยอย่างมาก
โครงการ “ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” ของมูลนิธินครดูไบ มีเทคโนโลยีการเงินขั้นสูงเพื่อรองรับการแข่งขันซื้อขายผ่านทางออนไลน์ และมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง มีเป้าหมายที่จะทำให้ธุรกิจใหม่ในไทย 20,000 ราย ทำธุรกิจจัดแข่งขันซื้อขายกองทุนบิทคอยน์ระดับโลก เพื่อสร้างความรู้ด้านการลงทุนระดับโลกให้กับผู้สนใจ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งมีเกือบ 2 พันล้านคนทั่วโลก ผมมองว่าตรงนี้เป็นโอกาสที่น่าสนใจ อีกทั้ง บริษัท Capital Trust Group Ltd. (CTG) ที่เป็นผู้ได้ใบอนุญาตคัดเลือกผู้จัดประมูลไลเซนต์และผู้จัดแข่งเทรดตรงนี้มา และเป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยีการเงินให้กับมูลนิธิแต่เพียงผู้เดียวเพื่อรองรับการแข่งขันซื้อขายผ่านทางออนไลน์ และมีความน่าเชื่อถือ โดยมี รศ.ดร.สมเจตน์ ทิณพงษ์ อดีตประธานกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่ 22 สามารถดูแลแทนเราได้ เลยทำให้ทุกเรื่องราวในการทำธุรกิจของผมเปลี่ยนไป จากเดิมเราต้องไปนั่งเฝ้า แต่วันนี้เราไม่ต้องบริหารจัดการเองแบบนั้นแล้ว ผมสามารถเช็ครายชื่อผู้สมัครร่วมแข่งขันเทรดทั่วโลกจากการแข่งขัน 10,000 รายการได้ผ่านมือถือทุกที่ทุกเวลาแบบแบบเรียลไทม์ เพราะวันนี้เราแค่เอาความเป็นมืออาชีพและทีมงานระดับโลกของธุรกิจนั้นๆ มาลงไว้ตรงนี้
ถามว่าทำแล้วดีอย่างไรบ้าง อนาคตผมมองว่าคนไทยทุกคนสามารถมีโอกาสสร้างสิ่งดีๆ ได้ในการระดมทุนทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มตัวนี้”
ด้าน ศ.ดร.(กิตติคุณ) สุรวุฒิ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์ สแกน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับอนุญาตนำเข้ายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชง เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรืออุตสาหกรรม และคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย รัตตปทุม กล่าวว่า “ใครจะเชื่อว่า เราทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้จัดแข่งซื้อขายกองทุนกัญชา และหุ้นบริษัทกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ เพื่อสร้างเครือข่ายนักลงทุนกัญชาทั่วโลก มีเป้าหมายดึงเงินมาลงทุนในธุรกิจกัญชาในประเทศไทย และเป็นที่รับซื้อผลิตผลจากประเทศไทยสู่ตลาดโลก จากไลเซ็นต์การแข่งเทรดเพียง 5,000 ใบที่ผมได้รับมอบหมายให้เปิดประมูล โดยจำกัดผู้สมัครสูงสุดที่ 1 แสนรายต่อรายการแข่งขันเทรด
ยกตัวอย่าง ถ้ามีผู้สมัครเพียง 10% ของโควต้าสูงสุด จะทำให้มีเครือข่ายนักลงทุนต่างประเทศที่สนใจธุรกิจกัญชาถึง 50 ล้านคน และถ้า 10% ของคนกลุ่มนี้ลงทุนในธุรกิจกัญชาในประเทศไทยเพียงแค่ 1,000 เหรียญจะมีเงินลงทุนเข้าประเทศไทยถึง 5 พันล้านเหรียญหรือ 1.5 แสนล้านบาท โดยคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย รัตตปทุมจะสามารถอาสาเป็นผู้รับบริหารจัดการอย่างครบวงจรให้กับผู้สนใจทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มดาราในฮอลลีวูด
การลงทุนในยุคปัจจุบันไม่มีข้อจำกัดอะไรอีกต่อไป เพราะมีการเปิดกว้าง ทำให้พฤติกรรมการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่หันมาสนใจลงทุนกันมากขึ้น เพราะมีการเชื่อมโยงในรูปแบบเครือข่ายไปทั่วโลก ทำให้มองเห็นถึงโอกาสที่สามารถหารายได้จากนักลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก เสมือนเจ้าของสถาบันการเงิน
“ดูไบ คริปโต ยูนิคอร์น” ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจใหม่ ในไทย 20,000 ราย ให้มีรายได้สูงสุด 1 ล้านเหรียญต่อราย (ประมาณ 30 ล้านบาทเฉพาะจากค่าสมัครแข่งขัน) จากนักลงทุนทั่วโลก เป็นรายได้จากการจัดแข่งซื้อขายกองทุนบิทคอยน์ ปละหุ้นบลูชิพระดับโลกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยใช้ใบอนุญาตจาก มูลนิธิฟอร์เชียส แคปิตอล นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดำเนินการ ด้วยเทคโนโลยีด้านการเงินขั้นสูง (ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่กลุ่มธนาคารมูลค่าแสนล้านบาทในประเทศไทยใช้เข่นเดียวกัน)
โครงการนี้สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศไทยสูงสุดถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท (ประมาณ 4% ของ GDP ประเทศไทย) ทำให้สามารถจัดเก็บภาษีรายได้เข้าประเทศกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท”
ทางด้านผู้บริหาร บริษัท แคปปิตอล ทรัสต์ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า “ที่สำคัญบริษัทเรามีหลักสูตรออนไลน์ฟรีสามารถสอนแม้แต่เด็ก ป.4 ให้เรียนรู้วิธีการสร้างพอร์ทลงทุนเหมือนกองทุนเทมาเส็ก ซึ่งเป็นกองทุนแห่งชาติสิงค์โปร์, กองทุนมหาวิทยาลัย Yale (เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา) หรือกองทุนที่บริหารโดย จอร์จ โซรอส อภิมหาเศรษฐีชื่อดัง และบริษัทเราสามารถเป็นตัวแทนของผู้เข้าแข่งขันโครงการเทรดแต่ละรายการที่มีสถิติโดดเด่น ในการขายกลยุทธ์การลงทุนให้คนทั่วโลกที่สนใจด้านการเงินการลงทุนมาจ่ายเงินค่าก็อปปี้บัญชีรายเดือน โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปเรียนหลักสูตรสอนเทรดต่างๆ และไม่ต้องโดนหลอกลงทุนกับกลุ่มที่มีการสัญญาผลตอบแทนเกินจริง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีข้าราชการระดับสูงของไทย ซึ่งก็คือ นายปรีชา ออประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับเชิญให้รับใบอนุญาต การจัดแข่งซื้อขายหุ้น Tesla x Bitcoin ETF จำนวน 100 รายการ โดยโครงการนี้ตั้งเป้าผู้สมัครจากผู้ติดตาม ทวิตเตอร์ ของ อีลอน มัสก์ กว่า 69 ล้านคน หากมีผู้สมัครโครงการนี้เพียง 20% จาก 69 ล้านคน ผ่านการแข่งขัน 100 รายการ นายปรีชา จะมีรายได้ทันทีจำนวน 4,644 ล้านบาท และสามารถทำให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษีรายได้จำนวน 1,625 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นคนไทยที่เสียภาษีในนามบุคคลมากที่สุด
อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวย้ำในตอนหนึ่งว่า “ผมไม่สนับสนุนคนไทยให้ซื้อขาย สกุลเงินดิจิตอลเข้ารหัส แต่สนับสนุนคนไทยทำธุรกิจ จัดแข่งเทรดกองทุนบิทคอยน์ระดับโลกในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค, แคนาดาและหุ้นบลูชิพต่าง ๆ ในต่างประเทศ เพื่อหาเงินจากนักลงทุนทั่วโลก เข้าประเทศไทย”
โดยผู้สนใจเข้าร่วมประมูลไลเซ็นต์จัดแข่งเทรดที่ถูกประเมินมูลค่าที่ 15 ถึง 20 ล้านเหรียญต่อหนึ่งใบอนุญาต (http://www.fortiuscapitalfoundation.com/valuation-report) แต่เริ่มประมูลราคาที่ 1 เหรียญ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 – วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 จำกัดสิทธิ์สูงสุดที่ 20,000 สิทธิ์ สามารถเข้าประมูลที่เว็ปไซต์ https://forms.gle/EhJfbKutdg8iXMZe9